พระอธิการขัน พุทฺธญาโณ แห่งวัดบ้านสิงห์ ต.บ้านสิงห์ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านสิงห์ ต.บ้านสิงห์ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
นามเดิม นายขัน เป็นบุตรของ นายจัน (หลวงพ่อจัน จนฺทโชติ ภายหลังได้อุปสมบทและดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านสิงห์) บิดา และอำแดงนา มารดา เกิดที่บ้านสิงห์ ต.บ้านสิงห์ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี (หมู่บ้านทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของวัดบ้านสิงห์ ห่างจากวัดประมาณ ๕๐๐ เมตร)
ท่านมีพี่น้องร่วมบิดา-มารดาเดียวกันทั้งสิ้น ๑๐ คน ดังนี้
๑.นางฑี /๒.นางบ้ง//๓.นางพุก/๔.นายขัน (พระอธิการขัน พุทฺธญาโณ)/๕.พระภิกษุจอม/๖.นางแดง/๗.นางอุ้ย//๘.นางน้อย/๙.นางพิน/๑๐.นางเงาะ
การศึกษา
สืบได้เพียงเค้าว่า ท่านได้ศึกษาอักษรสมัยกับหลวงพ่อจัน จนฺทโชติ ผู้เป็นบิดาในเบื้องต้น ต่อมาท่านมีอุปนิสัยชอบบำเพ็ญธุดงควัตร หาความสงบวิเวก เพื่อบำเพ็ญภาวนาวิปัสสนากรรมมัฏฐาน โดยท่านเคยได้ธุดงค์ไปจนถึงพระธาตุเจดีย์ตามเมืองสำคัญต่างๆ ตลอดจนถึงเจดีย์ชเวดากอง ประเทศพม่า
ครั้นเมื่อหลวงพ่อจัน จนฺทโชติ ได้ถึงกาลมรณภาพลง ไม่มีผู้ใดดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสต่อ ชาวบ้านสิงห์จึงได้เสาะหาหลวงพ่อขัน ซึ่งขณะนั้นได้ธุดงค์ไปในแถบเมืองย่างกุ้งและเขตชายแดนไทย-พม่าอยู่เสมอ ชาวบ้านจึงออกติดตามจนได้พบในที่สุด จากนั้นจึงได้พร้อมใจกันอาราธนาท่านให้มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านสิงห์สืบต่อมา
นอกจากท่านจะเป็นเลิศในทางบำเพ็ญธุดงควัตรแล้ว ท่านยังเป็นพระพัฒนาอีกด้วย เพราะท่านมีแต่สร้างและมีแต่ให้ นอกจากการปฏิบัติธรรมอันเป็นกิจของสงฆ์แล้ว สิ่งที่ยังเหลือไว้เป็นอนุสรณ์ให้ชาวบ้านสิงห์ได้ประจักษ์คือ ศาลาการเปรียญสถาปัตยกรรมไทยโบราณหลังใหญ่ที่กว้างขวางใหญ่โตสวยงามวิจิตรพิสดารหลังนี้ ทำให้สาธุชนได้ทราบถึงความวิริยะอุตสาหะของหลวงพ่อขัน ตลอดจนชาวบ้านสิงห์ในสมัยนั้น โดยได้ไปนำไม้มาจากป่าใหญ่ในเขตจังหวัดราชบุรี โดยได้นำเทียมโคลานเกวียนมาสร้างจนสำเร็จดังที่เห็นจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนั้น ท่านยังได้ซ่อมแซมวิหารหลังเก่า สร้างเจดีย์หมู่ไม้สิบสอง เพื่อบรรจุอัฐิบรรพบุรุษของท่านตากาลก่อน ชาวบ้านสิงห์รุ่นก่อนหน้านี้คงจะได้เห็นความงามของศิลปะในสมัยนั้น นอกจากนี้ ท่านยังได้สร้างกุฏิสามหมู่ สร้างกุฏิสิบ สร้างถาน (ห้องสุขาพระ) แม้บัดนี้ได้รื้อไปแล้วยังคงเหลือแต่ความทรงจำแล้วก็ตาม
หลวงพ่อขัน ท่านมิได้สร้างแต่เพียงวัดบ้านสิงห์เท่านั้น ท่านยังได้สร้างเสนาสนะ-วัดวาอาราม ไว้ตามสถานที่ต่างๆอีกหลายแห่ง เช่น
๑. วัดขุนไทยธาราราม อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
๒. วัดสระตะโก อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี
๓. วัดยางหัก อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี
๔. ได้สร้างวัดในเมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า อีก ๑ หรือ ๒ วัด
ในพรรษาสุดท้าย เมื่อออกพรรษาแล้ว ท่านจะต้องเดินธุดงค์ไปนมัสการพระธาตุในเมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า ดังเช่นเคยได้ปฏิบัติมาเป็นประจำทุกปี การเดินทางในสมัยนั้นล้วนมีแต่ความลำบากยากยิ่ง เต็มไปด้วยสัตว์ป่าดุร้าย ไม่มีถนนหนทางสะดวกเฉกเช่นปัจจุบัน แต่ท่านก็ยังมานะอดทนบากบั่น พยายามที่จะเดินทางไปนมัสการให้ได้ ครั้นเมื่อท่านได้เดินทางมาถึงเขต อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ณ บริเวณพื้นที่ท่าขนุน ท่านได้เกิดการอาพาธด้วยโรคไข้ป่า จนถึงแก่กาลมรณภาพ ณ ที่นั่น โดยนำกลับมาได้เพียงอัฐิเท่านั้น
แม้ว่าสังขารจะไม่เที่ยงแท้ ดำรงอยู่ในกฎแห่งพระไตรลักษณ์ ได้แก่ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แต่คุณงามความดีของหลวงพ่อขัน จะยังอยู่ในจิตใจชาวบ้านสิงห์ตลอดไป ตราบชั่วกาลนาน
ที่มา: จากหนังสือที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ พระครูสุภัทรธรรมวิธาน (เสนอ สุภัทรโท) อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านสิงห์ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔
(คัดลอกมาจากหน้าประวัติ พระอธิการขัน พุทฺธญาโณ หน้าที่ ๑๓-๑๗)
.......................................................................
ขอขอบคุณภาพจาก : เพจเรื่องเล่าภาพเก่าในอดีตราชบุรี .
เรียบเรียงโดย
หน้าที่เข้าชม | 2,158,491 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,450,477 ครั้ง |
เปิดร้าน | 6 ก.ค. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 4 ก.ย. 2568 |