ประวัติ
หลวงปู่มหาปิ่น ชลิโต (ศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)
วัดอริยวงศาราม (หนองน้ำขาว)
บ้านหนองน้ำขาว ต.ดอนกระเบื้อง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี
———————————————————–
พระครูวิโรจน์ธรรมาจารย์ หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันในนาม หลวงพ่อมหาปิ่น ชลิโต พระเกจิชื่อดังแห่งวัดอริยวงศาราม (วัดหนองน้ำขาว) ต.ดอนกระเบื้อง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ผู้เป็นที่เคารพเลื่อมใสของชาวเมืองราชบุรี หลวงพ่อมหาปิ่น ท่านเป็นศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต สายธรรมพระป่า แต่เดิมหลวงพ่อมหาปิ่น เป็นชาวนครปฐม เกิดเมื่อปี พ.ศ.2462 เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ บวชเป็นสามเณร ตั้งแต่อายุเพียง 13 ปี ที่วัด ท่าตำหนัก จ.นครปฐม โดยมีพระปฐมนครา จารย์ เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม เป็นพระอุปัชฌาย์ จนเมื่ออายุครบอุปสมบท ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ จากนั้นหลวงพ่อได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน และถือวัตรปฏิบัติ เดินธุดงควัตรไปทั่วทุกสารทิศ ทำให้เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านทั่วทุกภาค หลวงพ่อมหาปิ่น ได้มรณภาพอย่างสงบ ณ วัดอริยวงศาราม อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เมื่อวันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน 2524 สิริอายุ 62 ปี 40 พรรษา
“พวกเธอจงจำไว้ พระป่านั้น เขามีคติอยู่ว่า ปฏิบัติธรรมเพื่อธรรมและทำงานเพื่องาน
พระป่าโดยสายเลือดและวิญญาณเขามุ่งปฏิบัติมาทุกยุคทุกสมัย
พระป่าหาใช่เพียงกิน ถ่าย นอน และนั่งหลับตาโดยมิได้ทำอะไรเลย
พระป่าอาจโง่ในสายตาของผู้ที่เขาไม่ได้ “ปฏิบัติ” นั่งหลับตาศึกษาสัจธรรม
พระป่าในเมืองไทยนี้นับแต่หลวงปู่เสาร์และหลวงปู่มั่น พระบุพพาจารย์เจ้าเหล่านี้ล้วนแต่เรียนรู้คำสั่งสอนของพระศาสดาด้วยการ ปฏิบัติด้วยกันทั้งสิ้นและท่านก็สามารถรู้แจ้งในสัจธรรม จนสามารถยังประโยชน์ตนและผู้อื่นได้ พวกเธอจงจำไว้”
ท่านพระอาจารย์มหาปิ่น ชลิโต พื้นเพถิ่นกำเนิดของท่านอยู่ในจังหวัดนครปฐม ท่านเคยได้สมาธิตั้งแต่อายุ ๘-๙ ขวบเท่านั้น เพราะผู้หลักผู้ใหญ่คนพื้นบ้าน เขาชอบนั่งสมาธิไปดูนรก-สวรรค์กัน ในยุคที่ท่านยังเป็นเด็กนั้น ชาวบ้านนิยมกันว่า “ถ้าบุตรในตระกูลใด ได้บวชแล้วเที่ยวออกธุดงค์รุกขมูลไปในที่ต่าง ๆ จะได้รับการยกย่องนับถือในหมู่ชนต่าง ๆ”
ดังนั้น ท่านจึงได้บรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดสัมประทวน สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวโร) วัดเทพศิรินทราวาส เป็นพระอุปัชฌาย์
รสชาติของสมาธินั้น ยังตรึงจิตใจอยู่เสมอ ท่านได้ออกติดตามพระธุดงค์ตั้งแต่อายุครบ ๑๗ ปี ท่านได้ไปมาเกือบทั่วประเทศไทยตลอดจนถึงมาเลเซีย พม่า เขมร ลาว เป็นต้น
อายุของท่านครบอุปสมบทก็ได้มาบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ ณ วัดท่าตำหนัก เป็นวัดฝ่ายธรรมยุต โดยมีท่านเจ้าคุณพระเทพเจติยาจารย์ วัดเสน่หา เป็นพระอุปัชฌาย์จารย์ ท่านพระอาจารย์มหาปิ่น ชลิโต หรือท่านพระครูวิโรจน์ธรรมาจารย์ ท่านเคยดั้นด้นธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพร จากภาคใต้มาถึงกรุงเทพ จากกรุงเทพไปถึงแม่ฮ่องสอน จากแม่ฮ่องสอนไปภาคอีสาน ก็ได้อาศัยเท้าทั้งสองเท่านั้น เดินเพื่อค้นคว้าหาความจริงในธรรมะ และความอดทนอันยอดเยี่ยม
ท่านพระอาจารย์มหาปิ่น ชลิโต ท่านเป็นศิษย์องค์หนึ่งของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้น เป็นที่เคารพบูชาของประชาชนทั่วประเทศ
อันธรรมะที่ท่านเคยประพฤติปฏิบัติมานั้น ท่านได้นำมาถ่ายทอดแก่สาธุชนผู้ใคร่ในธรรมจนหมดสิ้น ลีลาการแสดงธรรมะของท่าน ท่านเฟ้นหาสาระเนื้อหาอันจับใจแก่ผู้ฟังธรรมเป็นอย่างยิ่ง
ท่านเป็นกำลังสำคัญ ในกองทัพธรรม สายหลวงปู่มั่นองค์หนึ่ง ที่ได้เที่ยวเผยแพร่หลักธรรมความเป็นจริงขององค์พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
ความดีงามของท่านนี้ ทำให้ชาวบ้านในภาคต่าง ๆ เช่น ภาคกลางและภาคใต้ ต่างก็ได้ร่วมกันช่วยสร้างสำนักสงฆ์อันเป็นสาขาได้ ๒๐ กว่าแห่ง
ท่านพระอาจารย์มหาปิ่น ชลิโต แสดงให้เห็นถึงความพากเพียรพยายามอย่างแรงกล้าในการปฏิบัติ ศีล สมาธิ ปัญญา
นอกจากนี้แล้วท่านเคยเล่าว่า…”เคยแอบมากรุงเทพฯ เหมือนกัน เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดบวรฯ วัดราชาฯ วัดราชบพิธฯ วัดมกุฎฯ เมื่อเรียนแล้วก็หนีเข้าป่าฝึกสมาธิภาวนาต่อไป
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ได้เล่าเรื่องการออกเผยแพร่ธรรมะปฏิบัติภาคใต้ว่า…
“เมื่อได้ถวายเพลิงศพท่านอาจารย์มั่นแล้ว ก็มีความประสงค์จะเที่ยววิเวกทางภาคใต้ จึงพร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์หลายองค์ มีพระอาจารย์มหาปิ่น ชลิโต เป็นผู้ติดตามไปด้วย ไปพักที่วัดควนมีด จ.สงขลา และได้ออกหาสถานที่บำเพ็ญสมณธรรม จึงเดินทางต่อไปจนถึงจังหวัดพังงา รู้สึกอากาศถูกกับธาตุขันธ์อยู่มาก”
ท่านพระอาจารย์มหาปิ่น ชลิโต ได้เล่าความเป็นมาทางภาคใต้ให้หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ฟังว่า
“กระผมได้เคยผจญภัยมาแล้ว ณ เมืองภูเก็ต พังงา สองแห่งนี้ ก็ได้รบกับความเดือดร้อนต่าง ๆ อย่างมากมาย ด้วยคณะพระธรรมยุตนิกาย ไม่เคยมีเลยในครั้งนั้นจึงได้พาคณะพรรคพวกกลับมาเผชิญเหตุการณ์ร้าย ๆ นี้อีก
กระผมดีใจที่ท่านพระอาจารย์มาเป็นประธาน ในการเดินทางในครั้งนี้ แม้จะมีเหตุการณ์ที่ร้ายแรงน่ารังเกียจ อันผิดวิสัยของสมณะ! ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ในเพศเดียวกันคอยกลั่นแกล้งทั้ง ๆ ที่นุ่งห่มสีเดียวกัน น่าละอาย
เมื่อท่านอาจารย์มาเป็นประธานในการเผยแพร่ธรรมะ กระผมก็มีความหวังดีต่อพระพุทธศาสนา ขอร่วมด้วย เพื่อเป็นการช่วยกันฟื้นฟูธรรมปฏิบัติในเขตสองจังหวัดนี้ เป็นการดียิ่ง”
การที่คณะเผยแพร่ธรรมะโดยหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ได้เป็นผู้นำแห่งกองทัพธรรม และมีท่านพระมหาอาจารย์มหาปิ่น ชลิโต ได้เข้าช่วยเหลือเผยแพร่ธรรมะคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าให้เข้าสู่จิตใจ ประชาชนได้เป็นอันมาก
ท่านพระอาจารย์มหาปิ่น ชลิโต ได้ถูกกำหนดให้ไปอยู่จำพรรษาที่กระโสม โดยมีพระคณะละ ๑๖ องค์ ตลอดเวลา ได้ถูกพวกที่ไร้คุณธรรมบุกรบกวน เช่น เผากุฏิ เอาก้อนหินขว้างปาขณะออกเดินบิณฑบาต ลอบวางยาพิษ ต้องผจญกับความทุกข์ยากแสนสาหัส
แต่ก็ได้รับการเตือนสติจากหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ให้พยายามรักษาศีลบริสุทธิ์ อย่าทิ้งสติการภาวนา พิจารณาให้เป็นธรรมอย่าเผลอสติ นับเป็นความอดทนเป็นที่ยิ่ง
ในชีวิตของพระสุปฏิบัติเช่นท่าน คือ…ท่านพระมหาอาจารย์มหาปิ่น ชลิโต ท่านรักในความสันโดษวิเวกท่ามกลางป่าเขา
ชีวิตธุดงคกรรมฐานของท่าน ได้เดินทางมาไกลแสนไกลบุกป่าฝ่าดง ปีนป่ายภูเขาลูกแล้วลูกเล่า จากลูกนี้สู่ลูกโน้น และในที่สุดท่านก็มาหยุด ณ ภูเขาลูกหนึ่ง รำพึงอยู่ที่เชิงเขา เป็น ภูเขาลูกย่อม มีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุอยู่ในสถูปองค์น้อย ณ ที่นั้นเราจึงเรียกว่า “พระธาตุเขาน้อย” หรือ วัดป่าพระธาตุเขาน้อย
ท่านพระอาจารย์มหาปิ่น ชลิโต ท่านได้ก่อสร้างขึ้นเป็นวัดที่ถาวร เป็นเครื่องเตือนจิตเตือนใจให้ระลึกถึงท่านและพระธรรมคำสอนอยู่เสมอ
แม้ว่าบัดนี้ท่านพระอาจารย์ท่านได้ละสังขารจากพวกเราไปแล้วก็ตาม แต่คุณงามความดีนั้นหาได้เสื่อมสลายตามไปไม่ ท่านยังทิ้งรอย ให้พวกเราทั้งหลายได้ดำเนินชีวิตอันถูกต้อง ตามไปเบื้องหน้าตลอดกาลนาน และเป็นความสุขนิรันดรอย่างแท้จริง
_________________
ท่านสามารถฟังวิทยุเสียงธรรมหลวงตามหาบัวได้ทั่วประเทศ
และโทรทัศน์ดาวเทียมเสียงธรรมทั้งภาพและเสียงได้แล้วที่
http://www.luangta.com
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
วีรยุทธ
บัวทอง
บัวทอง
เข้าร่วม: 24 มิ.ย. 2005
ตอบ: 1838
ที่อยู่ (จังหวัด): สกลนคร